Pakchong Travel Dot Com
วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554
สำรวจสุดสาย ชายหาดเมืองประจวบฯ
สำรวจสุดสาย
ชายหาดเมืองประจวบฯ
ชายหาดเมืองประจวบฯ
อภินันท์ บัวหภักดี...เรื่อง เชษฐา นุ้ยเล็ก...ภาพ |
ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดที่ปีนี้ทางราชการได้กำหนดให้เป็นปีท่องเที่ยวของจังหวัดหรือเป็นปี “Amazing Prachuapkhirikhan 2008” ที่นี่วันนี้ ด้วยลักษณะพื้นที่ที่เป็นคาบสมุทรยาวลงไปทางใต้ ยาวไกลกว่าจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศไทย จึงมีชายหาดมากมายที่มีความสวยงามและหลากหลายมนต์เสน่ห์ชวนให้ค้นหา หัวหินและปราณบุรีคือชายหาดเก่าแก่ที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักและคุ้นชื่อกันดี แต่ขับรถเที่ยวฉบับนี้จะขอมานำพาคุณ ๆ ไปค้นหาหาดทรายสวย ๆ อื่น ๆ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในเขตอำเภอบางสะพานและบางสะพานน้อย อันเป็นอำเภอสุดท้ายใต้สุดของจังหวัด |
เอาละ “ไปทะเลกันดีกว่า” จุดหมายปลายทางคราวนี้ที่อำเภอบางสะพานน้อย ผมเลี้ยวซ้ายจากทางหลวงหมายเลข ๔ เพื่อเข้าสู่ตัวอำเภอ แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนลาดยางอย่างดีสู่อ่าวบางเบิด ที่มีชายหาดทอดยาวจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปยังจังหวัดชุมพร สิ่งแรกที่ทำก็คือหาที่พัก ผมได้ไปพบกับบ้านกำเนิดพลอย บูติกรีสอร์ต รีสอร์ตที่ออกแบบได้น่ารักใกล้เคียงที่พักหรู ๆ แถวปราณบุรี จึงขอยึดที่นี่เป็นสถานที่ตั้งกองบัญขาการ เห็นน้ำทะเลใส ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะลงไปแหวกว่าย แล้วเอาเรือคายักของรีสอร์ตมาพายสำรวจชายหาด มองไปซ้ายขวาก็เห็นชายหาดยาวสุดสายตา คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าฟองคลื่นในการตระเวนสำรวจเส้นทางเลียบชายหาดของอ่าวบางเบิดในวันพรุ่งนี้ วันนี้ขอเล่นน้ำทะเลให้ฉ่ำปอดก่อนแล้วกัน |
นอกจากภาพของหาดบางเบิดแล้ว ที่หมู่บ้านประมงขนาดเล็กนี้ยังมีภาพวิถีชีวิต รวมทั้งเรือที่ประดับธงสีสวยสดจอดหลบลมเรียงกันอยู่ในอ่าวเล็ก ๆ ด้านข้างผมนี่เอง เสร็จแล้วผมวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม ก่อนถึงชายหาดสังเกตเห็นถนนแยกไปทางซ้ายบอกว่าไปบ้านบางเบิด เป็นทางหลวงชนบท ปข ๑๐๑๕ แต่ผมขอเลยไปเลาะแนวชายหาดดีกว่า ด้วยแนวชายหาดช่วงนี้ไม่ยาวมากนัก เพียง ๕๐๐ เมตร แต่ก็ประกอบไปด้วยร้านอาหารทะเล ที่พัก ชุมชนประมงขนาดเล็ก สุดชายหาดที่เขาเบิด ได้พบเห็นวิถีชีวิตประมงที่ยังคงดำเนินอยู่ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวในพื้นที่ |
ชาวบ้านที่บางเบิดอัธยาศัยดีมาก ยิ้มแย้มทักทายพวกผมเป็นอย่างดี แถมยังแนะนำให้เราแวะเข้าไปที่ทรายทองบีชรีสอร์ต ที่นี่สามารถเข้าไปชมชายหาดบางเบิดและสามารถเดินไปถึงผาแดงอีกด้วย ผมก็พลาดไม่ได้สิครับ เจ้าของรีสอร์ตต้อนรับเราด้วยอัธยาศัยอันดี บอกว่าหาดบางเบิดฝั่งนี้เรียกว่าฝั่งแดง เพราะทรายจะออกสีแดงมากกว่าฝั่งชุมพร แปลกดีนะธรรมชาติ ก็แค่เพียงเขาเบิดลูกเล็ก ๆ เท่านั้นที่กั้นอยู่ ผมเที่ยวชมพร้อมเก็บภาพชายหาดในช่วงบริเวณนี้อยู่นาน ก่อนอำลาเพื่อไปต่อให้ถึงตัวอำเภอบางสะพานน้อย |
ยังครับ ในอำเภอบางสะพานยังมีหาดอีกแห่ง นั่นก็คือ หาดแม่รำพึง อย่าสับสนเหมือนผมนะครับ เพราะที่ประจวบฯ ก็มีอ่าวแม่รำพึงด้วย แต่ที่อยากให้ลองแวะไปก็เพราะที่นี่มีหาดทรายขาวทอดยาวแนวโค้งไกลมาก มองได้สุดตา มีถนนเลาะเลียบตลอดแนวชายหาด เหมาะสำหรับพักผ่อน และที่สำคัญ ในเส้นทางนี้สามารถพาเราไปยังบ้านกรูด ที่มีชายหาดสวยงามเช่นเดียวกัน และมีบ้านพักอยู่มากมาย ถ้ามีเวลาจะขอนอนพักชมธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม รู้อย่างนี้วางแผ่นเพิ่มอีกสักวันก็ดี ผมได้เพียงขับรถเลาะไปตามแนวชายหาดเพลิน ๆ ก่อนออกสู่ทางหลวงหมายเลข ๔ เพื่อกลับไปยังกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร |
ขอบคุณ |
บางสะพานน้อย-หาดบางเบิด มี ๒ เส้นทาง |
อร่อยรสริม ทะเลตราด ที่บ้านแหลมศอก
อร่อยรสริม ทะเลตราด ที่บ้านแหลมศอก
“เด็กอ้วน”...ชวนชิม / “ เด็กอ้วน” และ “ลุงจุยทุ้ย”...ชวนชม |
จุดหมายของการเดินทางครั้งนี้ “เด็กอ้วน” ตั้งใจจะไปท่องทะเลตราดกับทีมสารคดีเกาะกูดและชวนกันไปชิม อาหารทะเลที่นั่น แต่น่าเสียดายที่บนเกาะกูดไม่มีร้านอาหารที่แยกตัวออกจากแพ็กเกจของรีสอร์ตต่าง ๆ ใช้เราได้ ไปชวนชิมกันโดยเฉพาะ ดังนั้นก่อนจะลงเรือเดินทางไปยังเกาะกูด ทีมงานจึงแวะเวียนไปสำรวจร้านอาหารแถว แหลมศอก ตามข้อมูลบอกว่าที่นี่มีร้านอาหารอร่อยเปิดใหม่อยู่ร้านหนึ่ง และเมื่อเราได้ลองสั่งอาหารมาชิมก็ไม่ผิด หวังจริง ๆ |
จานต่อมาคือปลาฉลามผัดฉ่า จานนี้อาจจะหากินได้ไม่ง่ายนัก เพราะอันที่จริงแล้วฉลามจัดได้ว่าเป็นสัตว์ที่อยู่ใน กลุ่มอนุรักษ์ แต่เนื่องจากปลาฉลามมักจะติดอวนขึ้นมากับเรือประมงแบบอวนลาก จึงทำให้ปลาชนิดนี้มีขายอยู่ บ้างในตลาดที่เป็นเมืองชายทะเลอย่างตราด แล่เนื้อปลาเป็นชิ้นพอคำผัดกับเครื่องที่ประกอบไปด้วยสมุนไพรรส ร้อนแรงสารพัดชนิด ได้แก่ พริกขี้หนูสวน (เลือกเฉพาะพริกแดง) ข่า กระเทียม พริกไทยเม็ดตำจนละเอียด ใส่ขิง ซอย ใบมะกรูด และพริกไทยอ่อนลงไปให้ได้รสจัดยิ่งขึ้น ตักกินกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อย ๆ จนต้องตักซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็เนื้อปลาทั้งนุ่มทั้งหวาน รสชาติก็กลมกล่อม อีกทั้งยังไม่มีกลิ่นคาวเหลืออยู่ เป็นอันว่า “ลิ้นทอง” ต้องเติมข้าวเป็น จานที่สองเพราะติดใจความอร่อยของจานเด็ดจาน นี้ |
กินอิ่มแล้วก็แดด ร่มลมตกพอดี เดินเล่นรอบ ๆ ร้านตรงหาดทราย ลมพัดเย็นสบาย แต่หากยังอยากนั่งคุยอยู่ที่โต๊ะก็จะได้ บรรยากาศดีไม่แพ้กัน เพราะตัวร้านนี้สร้างเป็นบ้านไม้สไตล์คันทรี ลมเย็นพัดมาสบาย เสียงเพลงเบา ๆ จากเครื่อง เสียงดังมาไม่ขาด ชวนให้ “เด็กอ้วน” รู้สึกสบายใจยิ่งนัก อากาศก็ดี อาหารก็อร่อย อย่างนี้ใครเล่าจะลืม ลง |
ปักษ์ใต้รสเข้ม ที่เมืองนคร
ปักษ์ใต้รสเข้ม ที่เมืองนคร
“ลิ้นทอง”...ชวนชิมและชวนชม |
ชื่อเรื่องปักษ์ใต้รสเข้มที่เมืองนครของผม คงจะบ่งบอกอย่างแน่ชัดว่านครนี้คือนครศรีธรรมราชแน่ ๆ ไม่ใช่นครสวรรค์ นครราชสีมา เพราะมีคำว่าปักษ์ใต้ขยาย ยิ่งปักษ์ใต้รสเข้มด้วยแล้วยิ่งแน่นอนเข้าไปใหญ่ เพราะอาหารเมืองนครศรีธรรมราชนั้นได้ชื่อว่ารสชาติเข้มข้นเหมือนคนเมืองคอนนั่นแหละ แต่จะเอาชื่อเรื่องทำนองนี้ไปแนะนำอาหารอีสานนั้นคงจะลำบากสักหน่อย เพราะหากขึ้นหัวเรื่องว่าอีสานรสแซบที่เมืองนครนั้น หลาย ๆ คนอาจจะสับสนไม่คิดถึงนครราชสีมา หรือโคราช ประตูอีสานเสียทีเดียว เพราะอาหารอีสานนั้นได้แทรกซึมเข้าไปทุกที่ทุกนครฯ ...แม้กระทั่งนครลอสแองเจลีสโน่น |
ลงจากชานชาลาสถานีพวกเราจึงรี่เข้าร้านแกงส้ม ซึ่งอยู่เยื้องไปทางขวาของสถานีรถไฟราว ๒๐๐ เมตร หากเดินลงมาจากสถานีรถไฟ ร้านนี้เป็นร้านประจำร้านหนึ่งที่ชาว อ.ส.ท. มาแวะ เพราะที่นี่อาหารปักษ์ใต้ โดยเฉพาะแกงส้มยอดมะพร้าวอ่อนนั้นต้องยกนิ้วให้ทีเดียว นอกจากร้านที่หน้าสถานีรถไฟแล้ว ยังมีร้านแกงส้มเปิดใหม่อยู่บริเวณถนนนางงาม ใกล้กับร้านนครอินทร์เจ้าเก่านั่นแหละ ร้านแกงส้มในเมืองเป็นลูกหลานคุณป้าที่ร้านเดิมหน้าสถานีรถไฟ ที่นี่รายการอาหารที่พลาดไม่ได้ก็คือน้ำพริกแมงดา-สะตอเผา รวมทั้งสั่งปลากระบอกทอดขมิ้นกรอบ ๆ มาแกล้ม รับรองเจริญอาหารและที่พิเศษอีกหน่อยก็คือ ที่นี่ขายอาหารญี่ปุ่นควบคู่กันไปด้วย ใครจะลองสะตอเผาแกล้มปลาดิบก็เชิญ |
ลักษณะของครัวนครนั้น เป็นร้านอาหารง่าย ๆ อย่างร้านข้าวแกง บริการรวดเร็ว ราคาย่อมเยากว่าสวนอาหาร แต่บรรยากาศนั้นยอดเยี่ยมและโดดเด่น เพราะที่นี่ตกแต่งร้านอย่างมีสไตล์ ด้วยของเก่าพื้นบ้าน อันแสดงถึงวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยความมีศิลปะและสุขสงบมาช้านานของชาวเมืองนคร เครื่องตกแต่งร้านที่มีลักษณะเป็นงานสะสมศิลปะพื้นบ้านอย่างเหล็กขูด หรือกระต่ายขูดมะพร้าวที่มีรูปทรงชวนหัว ตัวหนังตะลุงซึ่งบางตัวอายุนับร้อยปี เครื่องถ้วยชามเครื่องใช้อื่น ๆ เรียกว่าเหมือนกับเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านกันเลยทีเดียว หากจะเรียกร้านครัวนครเป็นร้านข้าวแกง ผมต้องขอยกย่องว่าเป็นร้านข้าวแกงที่งดงามที่สุดในเมืองไทยเลยทีเดียว |
จากร้าน ชาวบ้านถึงร้านหรู บนเส้นทางเลียบทุ่งทานตะวันสระบุรี- ลพบุรี
จากร้าน ชาวบ้านถึงร้านหรู
บนเส้นทางเลียบทุ่งทานตะวันสระบุรี- ลพบุรี
บนเส้นทางเลียบทุ่งทานตะวันสระบุรี- ลพบุรี
“จุมโพ่”...ชวน ชิม อาทิตย์ จั่นเทศ...ชวน ชม |
|
อาหารจานเด็ดที่ทางร้านแนะนำมีไข่พระอินทร์ ทำจากแกงเขียวหวานผัดจนแห้ง แล้วห่อด้วยไข่อย่างไข่ยัดไส้ จะเลือกลูกชิ้นปลากราย หรือ เนื้อสัตว์อื่น ๆ ก็ได้ตามชอบใจ แกงเขียวหวานที่ผัดจนแห้งรสชาติเข้มข้นทีเดียว มังกรซ่อนรูป ใช้กุ้งสด ๆ พันด้วยปลากะพงแดงแล้วนำไปนึ่ง กินกับน้ำจิ้มอย่างน้ำจิ้มอาหารทะเลรสจัด ไข่แดงบ้านต้นไม้ ทอดมันห่อไข่แดงของไข่เค็มทอด สมุนไพรทอดกรอบทำจากตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด กะเพราทอดกรอบ ๆ เคล้าน้ำตาล กินเล่นเรียกน้ำย่อย |
ร้านนี้เป็นร้านในบรรยากาศแบบบ้าน ๆ ทางเข้าเหมือนลัดเลาะไปในสวน ไม่ติดถนนใหญ่แต่ก็ไม่เงียบจนเกินไปนักเพราะมีคาราโอเกะให้ร้องด้วย อาหารจานเด็ดของร้านที่ทุกคนไม่พลาดที่จะสั่งคือขาหมูทอดกรอบ ขาหมูทั้งขาทอดจนกรอบจิ้มน้ำจิ้มรสเปรี้ยวใส่พริกขี้หนูบุบ มัจฉานายาวรวนปลาร้า ที่ต่างจากร้านแรกตรงที่ไม่รวนจนแห้งแต่มีน้ำขลุกขลิก และเนื้อไก่นุ่มกว่า ส่วนคนที่ชอบกินเนื้อวัว เจ้าถิ่นแนะนำให้สั่งแกงป่าเนื้อและเนื้อย่าง |
จากสระบุรีไปจังหวัดลพบุรีกันต่อ ร้านดังที่เจ้าถิ่นหลาย ๆ คนยกนิ้วให้คือร้านปาปี ถนนพัฒนานิคม-ลพบุรี เป็นร้านในบรรยากาศแบบคันทรี ไก่ทอด JFC สูตรเด็ดของที่นี่อร่อยมาก หมักกับซอสหอมกรุ่น ทอดจนกรอบนอก นุ่มใน กินกับส้มตำกุ้งสด และยำตะไคร้ นอกจากนี้ก็มีน้ำพริกขี้กา ปลาช่อนนึ่งแจ่ว ต้มยำไก่บ้านใบมะขามอ่อน ผัดฉ่าปลาม้า ปลาคัง |
ท้ายสุดขอปิดท้ายด้วยก๋วยเตี๋ยวตาบอด (ป้าสมนึก) เลยวงเวียนโคกตูมไปทางอ่างซับเหล็ก ข้างวัดปราสาทนิมิต ที่ป้าสมนึกคนขายตามองไม่เห็นทั้งสองข้างแต่ยังคงขายก๋วยเตี๋ยวเลี้ยงตัวเอง ปรุงเอง ขายเอง ในร้านที่เป็นเพิงเล็ก ๆ แต่มีที่นั่งสะดวกสบาย เพราะมีผู้ในบุญไปช่วยสร้างไว้ |
ร้านบ้านต้นไม้ ๒๕/๑ หมู่ ๙ ตำบลขุนโขลน อำเภอพระ พุทธบาท จังหวัดสระบุรี |
ไปนอนฟังเสียงฝน กับ ๘ โรงแรมในเชียงใหม่
ไปนอนฟังเสียงฝน กับ ๘ โรงแรมในเชียงใหม่
“เป้แดง”...เรื่อง สายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์...ภาพ |
|
โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส กับแพ็กเกจ The Rose of the North คือพัก ๓ วัน ๒ คืน ในห้องดีลักซ์สไตล์ญี่ปุ่น รวมอาหารเช้าและอภินันทนาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้และเครื่องดื่มต้อนรับ น้ำชากาแฟในห้อง รถรับส่งสนามบิน ส่วนลดต่าง ๆ เครื่องดื่มระหว่างมื้อ และเช็กเอาต์ได้ถึง ๑๔.๐๐ นาฬิกา ราคาห้องเดี่ยวต่อแพ็กเกจ ๔,๔๐๐ บาท และราคาห้องคู่ต่อแพ็กเกจ ๔,๘๐๐ บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคมนี้ค่ะ |
โรงแรมอมารี รินคำ โรงแรมแห่งที่สองของเชียงใหม่ อายุอานาม ๓๒ ปีแล้ว แต่ความสวยงามยังไม่โรยราเลย เพราะเขาอัพเดตกันทุกปี ฝนนี้มี 2001 Holiday time Packages มาเสนอ กับเวลา ๓ วัน ๒ คืน ห้องพักเดี่ยวราคา ๓,๒๘๕ บาท ห้องพักคู่ราคา ๔,๐๖๐ บาท พร้อมเครื่องดื่มต้อนรับ อาหารเช้า มื้อค่ำ ๑ มื้อ ผลไม้ หนังสือพิมพ์ รถรับส่งสนามบิน และเช็กเอาต์ได้ถึง ๑๖.๐๐ นาฬิกา เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ ๑๙ ธันวาคมนี้ |
ไม่ใช่เพียงโรงแรมในเมืองเท่านั้นที่ร่วมโครงการนี้ แต่รวมถึงรีสอร์ทสวย ๆ บนเส้นทางหางดง-สะเมิงด้วย |
โรงแรมเวสทิน ถนนเชียงใหม่-ลำพูน โทรศัพท์ (๐๕๓) ๒๗-๕๓๐๐ |
ในอ้อมกอดแห่งขุนเขา คลองทราย รีสอร์ท
ในอ้อมกอดแห่งขุนเขา คลองทราย รีสอร์ท
“เป้แดง”...เรื่อง นัท สุมนเตมีย์...ภาพ |
ทุกครั้งที่ได้เก็บเสื้อผ้าข้าวของลงเป้สีแดงใบนี้ ก็อดที่จะลิงโลดด้วยความดีใจไม่ได้ว่า การเดินทางอันมีความหมายยิ่งต่อชีวิตกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว สิ่งแปลกใหม่ในโลกกว้างกำลังกู่ก้องร้องเรียกให้เราก้าวเข้าไปหา สัมผัสเพื่อทำความรู้จัก พอเริ่มจะคุ้นเคยสุดท้ายก็ต้องจากมา ดูเหมือนว่าวัฏจักรของการเดินทางจะเป็นเช่นนี้ เดินเข้าไปพบ สะสมเป็นประสบการณ์ เก็บเอาสิ่งดี ๆ บันทึกไว้ในเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำ ที่จะคงอยู่ตราบเท่าที่จะถูกกาลเวลาลบเลือนไป |
พวกเรากว่าจะได้เข้าที่พักกันก็ดึกโข ก่อนเข้านอนเราภาวนาขอให้วันพรุ่งนี้เป็นเช้าวันที่สดใส มีแสงแดดสวย ๆ รอให้ช่างภาพได้ถ่ายภาพ แต่เมื่อมานึกดูอีกที คำขอดังกล่าวคงจะเป็นไปได้ยากในฤดูกาลนี้ คงได้แค่ภาวนาให้มีแสงเพียงพอให้ถ่ายภาพได้บ้างก็พอ |
บนเนื้อที่กว่า ๗๐ ไร่ ของคลองทราย รีสอร์ท ในวันนี้จึงมีทั้งคลับเฮาส์ ห้องประชุมสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง คอฟฟี่ช็อป คาราโอเกะ ที่สำคัญคือมีบริเวณกว้าง ๆ ให้เดินเล่น มีสนามเปตอง สนามฟุตบอล บ่อตกปลา สำคัญที่สุดตรงที่มีอากาศดี ๆ ให้สูดลมหายใจเข้าได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจนี่แหละ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหน้าหนาวอากาศจะดีเพียงใด |
ติดต่อสำรองที่พักและสอบถามรายละเอียดได้ที่ |
ที่มา : อนุสาร อ.ส.ท. ปีที่ ๓๗ ฉบับที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๙ |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)