วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

สำรวจสุดสาย ชายหาดเมืองประจวบฯ

    สำรวจสุดสาย
    ชายหาดเมืองประจวบฯ


        อภินันท์ บัวหภักดี...เรื่อง   เชษฐา นุ้ยเล็ก...ภาพ

          ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดที่ปีนี้ทางราชการได้กำหนดให้เป็นปีท่องเที่ยวของจังหวัดหรือเป็นปี “Amazing Prachuapkhirikhan 2008” ที่นี่วันนี้ ด้วยลักษณะพื้นที่ที่เป็นคาบสมุทรยาวลงไปทางใต้ ยาวไกลกว่าจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศไทย จึงมีชายหาดมากมายที่มีความสวยงามและหลากหลายมนต์เสน่ห์ชวนให้ค้นหา หัวหินและปราณบุรีคือชายหาดเก่าแก่ที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักและคุ้นชื่อกันดี แต่ขับรถเที่ยวฉบับนี้จะขอมานำพาคุณ ๆ ไปค้นหาหาดทรายสวย ๆ อื่น ๆ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในเขตอำเภอบางสะพานและบางสะพานน้อย อันเป็นอำเภอสุดท้ายใต้สุดของจังหวัด

          และแน่นอน ในภาวะน้ำมันแพงจัดขนาดนี้ การเดินทางขับรถเที่ยวของผมก็ได้รับผลกระทบ มาคราวนี้ผมจึงเลือกใช้พลังงานชนิดใหม่กับรถคันใหม่ เจ้าฟองคลื่น ฟอร์ด โฟกัสสีขาว เก๋งคอมแพ็ก ๕ ประตู เครื่องยนต์เบนซิน ๑,๘๐๐ ซีซี รถโฉบเฉี่ยวทันสมัยคันนี้ใช้น้ำมัน E20 คือน้ำมันที่มีเอทานอลผสมอยู่ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ราคาน้ำมันก็ถูกลงไปไม่น้อย ถ้าคราวหน้ารถ E85 เข้ามาผลิตขายในเมืองไทย ผมก็จะนำเจ้า E85 มาแนะนำให้รู้จักกันต่อ ถ้ามีรถ Hybrid ใช้สองระบบเข้ามาอีก ก็จะเอามาแนะนำเหมือนกัน คอลัมน์ขับรถเที่ยวเราแม้จะไมใช่คอลัมน์ในหนังสือรถ แต่เราก็ตามทันวิวัฒนาการทันสมัยของโลกได้อย่างแน่นอน
          เอาละ “ไปทะเลกันดีกว่า” จุดหมายปลายทางคราวนี้ที่อำเภอบางสะพานน้อย ผมเลี้ยวซ้ายจากทางหลวงหมายเลข ๔ เพื่อเข้าสู่ตัวอำเภอ แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนลาดยางอย่างดีสู่อ่าวบางเบิด ที่มีชายหาดทอดยาวจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปยังจังหวัดชุมพร สิ่งแรกที่ทำก็คือหาที่พัก ผมได้ไปพบกับบ้านกำเนิดพลอย บูติกรีสอร์ต รีสอร์ตที่ออกแบบได้น่ารักใกล้เคียงที่พักหรู ๆ แถวปราณบุรี จึงขอยึดที่นี่เป็นสถานที่ตั้งกองบัญขาการ เห็นน้ำทะเลใส ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะลงไปแหวกว่าย แล้วเอาเรือคายักของรีสอร์ตมาพายสำรวจชายหาด มองไปซ้ายขวาก็เห็นชายหาดยาวสุดสายตา คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าฟองคลื่นในการตระเวนสำรวจเส้นทางเลียบชายหาดของอ่าวบางเบิดในวันพรุ่งนี้ วันนี้ขอเล่นน้ำทะเลให้ฉ่ำปอดก่อนแล้วกัน

          เช้าวันต่อมาผมออกจากรีสอร์ต เลี้ยวซ้ายไปทางชุมพร วิ่งไปบนทางหลวงชนบท ชพ๔๐๑๕ ไปยังปลายสุดของอ่าว ที่มีเทือกเขาหินปูนรูปทรงแปลกตาและหมู่บ้านชายทะเล เดินออกไปที่ปลายสะพานปลาของชาวบ้านมองกลับไปก็เห็นหาดถ้ำธงบางเบิด หาดทรายสวยงามทอดยาวกว่า ๕ กิโลเมตร ลักษณะเป็นโค้งอ่าว เห็นเนินทรายงามและเนินทรายขนาดใหญ่ริมหาดทอดยาวไปถึงบางเบิดในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วันนี้ผมกะไปให้สุดของอีกโค้งอ่าวที่มองเห็นหน้าผาสีแดงได้แต่ไกล แต่ตอนนี้ขอเก็บภาพในบริเวณนี้ก่อนดีกว่า
          นอกจากภาพของหาดบางเบิดแล้ว ที่หมู่บ้านประมงขนาดเล็กนี้ยังมีภาพวิถีชีวิต รวมทั้งเรือที่ประดับธงสีสวยสดจอดหลบลมเรียงกันอยู่ในอ่าวเล็ก ๆ ด้านข้างผมนี่เอง เสร็จแล้วผมวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม ก่อนถึงชายหาดสังเกตเห็นถนนแยกไปทางซ้ายบอกว่าไปบ้านบางเบิด เป็นทางหลวงชนบท ปข ๑๐๑๕ แต่ผมขอเลยไปเลาะแนวชายหาดดีกว่า ด้วยแนวชายหาดช่วงนี้ไม่ยาวมากนัก เพียง ๕๐๐ เมตร แต่ก็ประกอบไปด้วยร้านอาหารทะเล ที่พัก ชุมชนประมงขนาดเล็ก สุดชายหาดที่เขาเบิด ได้พบเห็นวิถีชีวิตประมงที่ยังคงดำเนินอยู่ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวในพื้นที่

          ผมเลาะไปตามถนนชายเขาเบิดก็ลงไปพบกับบ้านบางเบิดที่นี่เป็นเพียงชุมชนประมงขนาดเล็ก มีท่าเทียบเรือเป็นท่าปูนซีเมนต์มาตรฐานเสียด้วย เห็นตามหน้าบ้านแต่ละหลังมีหมึกทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ตากอยู่บนตะแกรง เพราะเพิ่งโดนแดดไม่นาน จึงยังเป็นสีขาว มองออกไปตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเล สวยเสียนี่กระไร วิ่งไปสุดทางที่วัดบางเบิดไม่มีถนนเลียบชายหาดอีก จึงต้องวิ่งออกแล้วก็ไปพบกับทางหลวงชนบท ปข ๑๐๑๕ ที่ผมเห็นตั้งแต่แรกนั่นเอง
          ชาวบ้านที่บางเบิดอัธยาศัยดีมาก ยิ้มแย้มทักทายพวกผมเป็นอย่างดี แถมยังแนะนำให้เราแวะเข้าไปที่ทรายทองบีชรีสอร์ต ที่นี่สามารถเข้าไปชมชายหาดบางเบิดและสามารถเดินไปถึงผาแดงอีกด้วย ผมก็พลาดไม่ได้สิครับ เจ้าของรีสอร์ตต้อนรับเราด้วยอัธยาศัยอันดี บอกว่าหาดบางเบิดฝั่งนี้เรียกว่าฝั่งแดง เพราะทรายจะออกสีแดงมากกว่าฝั่งชุมพร แปลกดีนะธรรมชาติ ก็แค่เพียงเขาเบิดลูกเล็ก ๆ เท่านั้นที่กั้นอยู่ ผมเที่ยวชมพร้อมเก็บภาพชายหาดในช่วงบริเวณนี้อยู่นาน ก่อนอำลาเพื่อไปต่อให้ถึงตัวอำเภอบางสะพานน้อย

          ข้ามสะพานข้ามคลองบางสะพานน้อย ผมเลี้ยวขวาเข้าไปตามป้ายที่บอกว่าชายฝั่งทะเลและหาดแหลมสน มีถนนลูกรังสั้น ๆ เลาะชายหาด ก่อนจะไปสุดที่ปากคลองบางสะพานน้อยที่มีเรือประมงขนาดเล็กจอดเรียงรายอยู่ ฝั่งตรงข้ามของปากคลองก็คือบ้านปากคลองที่เป็นท่าเรือ สามารถเช่าเรือไปชมเกาะทะลุ เกาะสังข์ เกาะสิงห์ ที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าได้ ถ้าใครสนใจดำน้ำชมปะการังและฝูงปลาสวยงามก็ไปได้เลยครับ แต่ทริปนี้ผมขอเพียงเลาะชายหาดก็พอครับ

          กลับออกไปเข้าสู่ตัวอำเภอก็ไปสุดทางหลวงชนบท ปข ๑๐๑๕ แล้วเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๓๔๙๗ เพื่อแวะเข้าไปยังบ้านปากคลองรอดูแสงเย็น ก่อนร่ำลากลับที่พัก แต่ตอนขากลับผมไม่ได้ใช้ทางหลวงชนบท ปข ๑๐๑๕ เหมือนเช่นขามา แต่กลับด้วยเส้นทางที่ใช้ในวันมา เพราะใช้ระยะเวลาน้อยกว่า ถนนก็กว้าง ขับได้สะดวกหน่อยครับ

          เช้าวันสุดท้ายผมกินอาหารเช้าพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศของรีสอร์ตก่อนจะอำลา ออกจากรีสอร์ตก็มุ่งตรงไปอำเภอบางสะพานน้อย แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๓๗๔ ไปยังอำเภอบางสะพานด้วยระยะทางเพียง ๑๖ กิโลเมตร โดยไม่ต้องออกไปวิ่งบนทางหลวงหมายเลข ๔ พอถึงอำเภอบางสะพานเลี้ยวขวา ใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๑๖๙ ต่อด้วยถนนกลางอ่าว เลียบหาดไปจนถึงทางเข้าอ่าวบ่อทองหลาง ที่นี่มีชายหาดโค้งเกือบจะเป็นรูปวงกลม ในช่วงน้ำลดจะมีแนวหาดทรายขาวเป็นลานกว้าง เหมาะสำหรับพักผ่อนระหว่างทางกลับอย่างนี้ เป็นการเพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้การเดินทางอย่างดียิ่ง
          ยังครับ ในอำเภอบางสะพานยังมีหาดอีกแห่ง นั่นก็คือ หาดแม่รำพึง อย่าสับสนเหมือนผมนะครับ เพราะที่ประจวบฯ ก็มีอ่าวแม่รำพึงด้วย แต่ที่อยากให้ลองแวะไปก็เพราะที่นี่มีหาดทรายขาวทอดยาวแนวโค้งไกลมาก มองได้สุดตา มีถนนเลาะเลียบตลอดแนวชายหาด เหมาะสำหรับพักผ่อน และที่สำคัญ ในเส้นทางนี้สามารถพาเราไปยังบ้านกรูด ที่มีชายหาดสวยงามเช่นเดียวกัน และมีบ้านพักอยู่มากมาย ถ้ามีเวลาจะขอนอนพักชมธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม รู้อย่างนี้วางแผ่นเพิ่มอีกสักวันก็ดี ผมได้เพียงขับรถเลาะไปตามแนวชายหาดเพลิน ๆ ก่อนออกสู่ทางหลวงหมายเลข ๔ เพื่อกลับไปยังกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร
  
ขอบคุณ
บ้านกำเนิดพลอย บูติกรีสอร์ต รีสอร์ตแสนสบายและน่ารัก
โทรศัพท์ ๐ ๗๗๖๔ ๐๖๓๒-๓๓, ๐๘ ๖๘๙๙ ๒๓๘๒
รถฟอร์ด โฟกัส ๕ ประตู จากบริษัทฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
โทรศัพท์ ๐ ๒๖๘๖ ๔๐๐๐

คู่มือนักเดินทาง
กรุงเทพฯ-บางสะพานน้อย
ใช้ถนนธนบุรี-ปากท่อมาเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข ๔ (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ไปยังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เลยไปยังอำเภอบางสะพานน้อย ระยะทาง ๓๗๕ กิโลเมตร เข้าสู่อำเภอด้วยทางหลวงหมายเลข ๓๔๙๗
บางสะพานน้อย-หาดบางเบิด มี ๒ เส้นทาง
๑. จากอำเภอบางสะพานน้อย ใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๔๙๗ แล้วไปเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข ๓๓๗๔ ที่มาจากอำเภอบางสะพาน ไป ๑๑ กิโลเมตร จนบรรจบทางหลวงหมายเลข ๓๔๑๑ อีกเพียง ๒.๕ กิโลเมตรก็เลี้ยวซ้ายเข้าสู่บ้านบางเบิดด้วยทางหลวงชนบท ปข ๑๐๑๕ เส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทางที่เลาะชายหาด
๒. จากอำเภอบางสะพานน้อย ใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๔๙๗ ไปจนสุดทาง อยู่เลยสี่แยกที่สามารถไปทางหลวงหมายเลข ๓๓๗๔ ไปเพียง ๒ กิโลเมตร แล้วเข้าสู่ทางหลวงชนบท ปข ๑๐๑๕ ระยะทาง ๒๐ กิโลเมตร เส้นทางนี้สามารถขับรถเข้าไปชมชายหาดได้

หาดบางเบิด-หาดถ้ำธง ใช้ทางหลวงชนบท ชพ ๔๐๑๕ ที่ตัดจากทางหลวงชนบท ปข ๑๐๑๕ ไปทางจังหวัดชุมพร ผ่านโครงการส่วนพระองค์ฯ เนินทรายงาม เลาะเลียบชายหาดถึงชุมชนประมง

อร่อยรสริม ทะเลตราด ที่บ้านแหลมศอก

 อร่อยรสริม ทะเลตราด ที่บ้านแหลมศอก
        “เด็กอ้วน”...ชวนชิม / “ เด็กอ้วน” และ “ลุงจุยทุ้ย”...ชวนชม

          จุดหมายของการเดินทางครั้งนี้ “เด็กอ้วน” ตั้งใจจะไปท่องทะเลตราดกับทีมสารคดีเกาะกูดและชวนกันไปชิม อาหารทะเลที่นั่น แต่น่าเสียดายที่บนเกาะกูดไม่มีร้านอาหารที่แยกตัวออกจากแพ็กเกจของรีสอร์ตต่าง ๆ ใช้เราได้ ไปชวนชิมกันโดยเฉพาะ ดังนั้นก่อนจะลงเรือเดินทางไปยังเกาะกูด ทีมงานจึงแวะเวียนไปสำรวจร้านอาหารแถว แหลมศอก ตามข้อมูลบอกว่าที่นี่มีร้านอาหารอร่อยเปิดใหม่อยู่ร้านหนึ่ง และเมื่อเราได้ลองสั่งอาหารมาชิมก็ไม่ผิด หวังจริง ๆ

          ร้านที่ว่านี้คือสวนอาหารบ้านแหลมศอก เราได้คุยกับคุณแสงไพ วัฒนวินิน เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นคนกรุงเทพฯ โดย กำเนิด ต่อมาย้ายมาอยู่ที่ตราด พอมาเห็นที่ดินติดชายหาดแถวแหลมศอก ประกอบกับชอบทำอาหาร ก็เกิดความ คิดที่จะเปิดร้านอาหาร อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยซีฟู้ด คุณแสงไพบอกกับเราอีกว่า อาหารหลายอย่างที่จะยก มาให้ทีมงานชิมมื้อนี้ เธอนำมาดัดแปลงสูตรเอง ด้วย

          จานแรกคือยำ คะน้ากุ้งกรอบ จานนี้ดัดแปลงมาจากกุ้งฟูที่นิยมกินกับยำมะม่วง เปลี่ยนมาเป็นยำก้านคะน้าที่ตัดเป็นท่อนพอคำ ลวกให้พอกรุบกรอบ ปรุงรสให้พอดี แล้วโรยหน้าด้วยเนื้อกุ้งที่สับละเอียดคลุกเกล็ดขนมปังทอดจนกรอบรสเปรี้ยว หวานของน้ำยำเข้าเนื้อคะน้าดี ได้ความหอมและกรอบของกุ้งกรอบทำให้ยิ่งเคี้ยวเพลิน จานนี้กินเล่นเพลินดีแท้ ๆ
          จานต่อมาคือปลาฉลามผัดฉ่า จานนี้อาจจะหากินได้ไม่ง่ายนัก เพราะอันที่จริงแล้วฉลามจัดได้ว่าเป็นสัตว์ที่อยู่ใน กลุ่มอนุรักษ์ แต่เนื่องจากปลาฉลามมักจะติดอวนขึ้นมากับเรือประมงแบบอวนลาก จึงทำให้ปลาชนิดนี้มีขายอยู่ บ้างในตลาดที่เป็นเมืองชายทะเลอย่างตราด แล่เนื้อปลาเป็นชิ้นพอคำผัดกับเครื่องที่ประกอบไปด้วยสมุนไพรรส ร้อนแรงสารพัดชนิด ได้แก่ พริกขี้หนูสวน (เลือกเฉพาะพริกแดง) ข่า กระเทียม พริกไทยเม็ดตำจนละเอียด ใส่ขิง ซอย ใบมะกรูด และพริกไทยอ่อนลงไปให้ได้รสจัดยิ่งขึ้น ตักกินกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อย ๆ จนต้องตักซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็เนื้อปลาทั้งนุ่มทั้งหวาน รสชาติก็กลมกล่อม อีกทั้งยังไม่มีกลิ่นคาวเหลืออยู่ เป็นอันว่า “ลิ้นทอง” ต้องเติมข้าวเป็น จานที่สองเพราะติดใจความอร่อยของจานเด็ดจาน นี้

          ใครไม่ชอบเผ็ดหัน มาลองชิมปลาอินทรีย่างซีอิ๊วกันสักหน่อย ปลาอินทรีชิ้นโตหั่นเป็นท่อนตามขวางนำไปปรุงรสด้วยซอสญี่ปุ่น น้ำตาล และพริกไทย เติมน้ำซุปแล้วนำไปย่างจนเนื้อปลาเหลืองหอม กินกับผักสลัด หรือจะกินกับข้าวก็อร่อยไม่แพ้กัน อาหารถูกใจคนไม่ชอบเผ็ดยังมีอีกอย่าง เป็นกุ้งอบเกลือ ร้านนี้เขาทำไม่เหมือนทั่ว ๆ ไปที่ “เด็กอ้วน” เคยเห็น เพราะ เป็นกุ้งอบเกลือที่มีสีค่อนข้างเข้ม เคล็ดลับเจ้าของร้านเขาบอกว่า นอกจากเกลือจะเป็นส่วนประกอบหลักแล้ว ยัง ต้องเหยาะซอสถั่วเหลืองก่อนนำไปอบด้วย แถมเติมเนยลงไปอีกหน่อย กลิ่นหอม ๆ ของเนยและซอสถั่วเหลืองที่ อบอวลไปทั่วตัวกุ้งแชบ๊วยตัวโต เพิ่มรสชาติหวานหอมชวนให้หิวตาลายยิ่ง นัก

          สุดท้ายเป็น อาหารจานโปรดของ “เด็กอ้วน” แกงส้มผักกาดดองปลากะพง รสชาติเปรี้ยว หวาน เผ็ด จัดจ้านยิ่งนัก ผักกาดดอง แบบเปรี้ยวที่เลือกแต่ก้านหั่นเป็นชิ้นเล้ก ๆ ใส่ปลากะพงแล่เป็นชิ้นแล้วนำไปทอดก่อนลงปรุงในหม้อแกงอีกครั้ง ความเปรี้ยวของผักกาดดองทำให้แกงส้มมีรสนุ่มลิ้น น้ำแกงราดบนข้าวสวย ถ้ากินตอนร้อน ๆ รับรองต้องมองหา น้ำเย็นแน่นอน เพราะร้านนี้เขาทำรสชาติจัดจ้านถึงใจ เผ็ดจนหน้าแดงไปตาม ๆ กัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครยอม วางมือจากจานเด็ดจานนี้ ก็ทั้งอร่อย เนื้อปลาก็สด แถมยังเป็นอาหารแปลก เพราะร้านนี้เขาใส่ใบมะกรูดในแกงส้ม ด้วย ใครอยากรู้ว่าแกงส้มใส่ใบมะกรูดมีรสอย่างไร ต้องลองไปชิมเองแล้วล่ะ ค่ะ
          กินอิ่มแล้วก็แดด ร่มลมตกพอดี เดินเล่นรอบ ๆ ร้านตรงหาดทราย ลมพัดเย็นสบาย แต่หากยังอยากนั่งคุยอยู่ที่โต๊ะก็จะได้ บรรยากาศดีไม่แพ้กัน เพราะตัวร้านนี้สร้างเป็นบ้านไม้สไตล์คันทรี ลมเย็นพัดมาสบาย เสียงเพลงเบา ๆ จากเครื่อง เสียงดังมาไม่ขาด ชวนให้ “เด็กอ้วน” รู้สึกสบายใจยิ่งนัก อากาศก็ดี อาหารก็อร่อย อย่างนี้ใครเล่าจะลืม ลง
สวนอาหาร บ้านแหลมศอก
เลขที่ ๑๔๙  หมู่ ๖  ตำบลอ่าวใหญ่  อำเภอเมืองฯ  จังหวัดตราด  ๒๓๐๐๐
โทรศัพท์ ๐-๓๙๕๔ -๓๓๕๘  เปิดบริการเวลา ๑๐.๐๐-๒๒.๐๐  นาฬิกา
  
  

ปักษ์ใต้รสเข้ม ที่เมืองนคร

ปักษ์ใต้รสเข้ม ที่เมืองนคร
        “ลิ้นทอง”...ชวนชิมและชวนชม

          ชื่อเรื่องปักษ์ใต้รสเข้มที่เมืองนครของผม คงจะบ่งบอกอย่างแน่ชัดว่านครนี้คือนครศรีธรรมราชแน่ ๆ ไม่ใช่นครสวรรค์ นครราชสีมา เพราะมีคำว่าปักษ์ใต้ขยาย ยิ่งปักษ์ใต้รสเข้มด้วยแล้วยิ่งแน่นอนเข้าไปใหญ่ เพราะอาหารเมืองนครศรีธรรมราชนั้นได้ชื่อว่ารสชาติเข้มข้นเหมือนคนเมืองคอนนั่นแหละ แต่จะเอาชื่อเรื่องทำนองนี้ไปแนะนำอาหารอีสานนั้นคงจะลำบากสักหน่อย เพราะหากขึ้นหัวเรื่องว่าอีสานรสแซบที่เมืองนครนั้น หลาย ๆ คนอาจจะสับสนไม่คิดถึงนครราชสีมา หรือโคราช ประตูอีสานเสียทีเดียว เพราะอาหารอีสานนั้นได้แทรกซึมเข้าไปทุกที่ทุกนครฯ ...แม้กระทั่งนครลอสแองเจลีสโน่น

          พอรู้ว่าจะต้องมาทำงานที่นครศรีธรรมราชกันหลายวัน สิ่งหนึ่งที่พวกเราชาว อ.ส.ท. เบาใจแกมใฝ่ฝัน ก็คือเรื่องอาหารการกินของเมืองนคร เพราะนอกจากจะมีให้เลือกมากมายแล้ว ยังเป็นเมืองที่อาหารอร่อย เรียกว่าทำงานกันอ้วนทีเดียว ผิดกับบางเมืองที่หาอาหารอร่อยกินยากนั้น พวกเราจะดูเหี่ยว ๆ ซูบ ๆ อย่างไรชอบกล อาหารอร่อยนั้นจึงนับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของท้องถิ่น และเป็นเสน่ห์ที่รุนแรงสำหรับคนเดินทางอีกด้วย เกริ่นเสียนานชักหิว พอดีรถเร็วจากกรุงเทพฯ เข้าถึงนครศรีธรรมราชซึ่งก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง แม้สจะชื่อว่ารถเร็วก็ตามยังเข้าช้ากว่ากำหนดไปชั่วโมงกว่า
          ลงจากชานชาลาสถานีพวกเราจึงรี่เข้าร้านแกงส้ม ซึ่งอยู่เยื้องไปทางขวาของสถานีรถไฟราว ๒๐๐ เมตร หากเดินลงมาจากสถานีรถไฟ ร้านนี้เป็นร้านประจำร้านหนึ่งที่ชาว อ.ส.ท. มาแวะ เพราะที่นี่อาหารปักษ์ใต้ โดยเฉพาะแกงส้มยอดมะพร้าวอ่อนนั้นต้องยกนิ้วให้ทีเดียว นอกจากร้านที่หน้าสถานีรถไฟแล้ว ยังมีร้านแกงส้มเปิดใหม่อยู่บริเวณถนนนางงาม ใกล้กับร้านนครอินทร์เจ้าเก่านั่นแหละ ร้านแกงส้มในเมืองเป็นลูกหลานคุณป้าที่ร้านเดิมหน้าสถานีรถไฟ ที่นี่รายการอาหารที่พลาดไม่ได้ก็คือน้ำพริกแมงดา-สะตอเผา รวมทั้งสั่งปลากระบอกทอดขมิ้นกรอบ ๆ มาแกล้ม รับรองเจริญอาหารและที่พิเศษอีกหน่อยก็คือ ที่นี่ขายอาหารญี่ปุ่นควบคู่กันไปด้วย ใครจะลองสะตอเผาแกล้มปลาดิบก็เชิญ

          หากเป็นอาหารเช้าแล้วบริเวณแถว ๆ บวรบาซาร์ ริมถนนราชดำเนินนับเป็นจุดรวมของคนเมืองคอน เพราะมีร้านกาแฟอร่อยชื่อเฮากาแฟ ซึ่งตกแต่งร้านด้วยของเก่าประเภทเครื่องลายคราม เครื่องเงินโบราณมากมาย เรียกว่าจิบกาแฟไปดูงานศิลปะอันงดงามที่ประดับประดาอยู่ในร้าน ก็นับเป็นเช้าที่ดียิ่งวันหนึ่ง และที่นี่มีกาแฟให้เลือกทุกชนิดตามแต่คอกาแฟจะชอบใจ ยกเว้นกาแฟกระป๋องสำเร็จรูปเท่านั้น

          ออกจากร้านเฮาเดินเข้ามาร้านครัวนคร ซึ่งอยู่ใจกลางบวรบาซาร์ ครัวนครนั้นเป็นศูนย์รวมของอาหารปักษ์ใต้จริง ๆ เพราะเช้าหนึ่งจะทำอาหารมากมายกว่า ๓๐ อย่าง ตั้งเรียงรายให้เลือกมีตั้งแต่ขนมจีนสุดยอดของอาหารเช้าปักษ์ใต้และกินกันได้ทั้งวัน ข้าวยำรสเด็ด แกงส้ม แกงไตปลา น้ำพริกทุกชนิด คั่วกลิ้ง อื่น ๆ อีกมากมาย จาระไนไม่หมด เรียกว่าแฟนประจำสั่งอาหารไม่ซ้ำกันได้ทั้งอาทิตย์ เสร็จสรรพจากอาหารคาวมีของหวานให้เลือกมากมาย และที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนครอย่างหนึ่งก็คือมังคุดคัด ซึ่งใช้มังคุดห่ามที่ยังไม่สุกแกะเปลือกแช่น้ำเกลือเสียบไม้ รสชาติหวานกรอบน่าลิ้มลอง และรับรองว่ามังคุดคัดนี้หากินที่อื่นไม่ได้นอกจากเมืองนครเท่านั้น
          ลักษณะของครัวนครนั้น เป็นร้านอาหารง่าย ๆ อย่างร้านข้าวแกง บริการรวดเร็ว ราคาย่อมเยากว่าสวนอาหาร  แต่บรรยากาศนั้นยอดเยี่ยมและโดดเด่น เพราะที่นี่ตกแต่งร้านอย่างมีสไตล์ ด้วยของเก่าพื้นบ้าน อันแสดงถึงวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยความมีศิลปะและสุขสงบมาช้านานของชาวเมืองนคร เครื่องตกแต่งร้านที่มีลักษณะเป็นงานสะสมศิลปะพื้นบ้านอย่างเหล็กขูด หรือกระต่ายขูดมะพร้าวที่มีรูปทรงชวนหัว ตัวหนังตะลุงซึ่งบางตัวอายุนับร้อยปี เครื่องถ้วยชามเครื่องใช้อื่น ๆ เรียกว่าเหมือนกับเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านกันเลยทีเดียว หากจะเรียกร้านครัวนครเป็นร้านข้าวแกง ผมต้องขอยกย่องว่าเป็นร้านข้าวแกงที่งดงามที่สุดในเมืองไทยเลยทีเดียว

          ติดกับครัวนคร มีร้านอาหารบรรยากาศดีอีกแห่งชื่อบ้านละคร ร้านนี้ตั้งอยู่ใต้ต้นยางอินเดียโบราณ อายุคงนับร้อยปี สูงใหญ่ร่มครึ้ม เรือนสองชั้นของร้านบ้านละครที่อยู่แนบชิดโคนต้นจึงเป็นเสมือนบ้านต้นไม้ไปเลยทีเดียว ที่นี่บรรยากาศเยี่ยมน่านั่งรับประทานอาหารเย็น อาหารเด็ดของเขาที่ไม่น่าพลาดคือไก่ต้มขมิ้นรสชาติเยี่ยมจนต้องขอดน้ำต้มก้นหม้อจนหยดสุดท้าย

          ร้านอาหารบรรยากาศดีอีกร้านของเมืองนครที่ผมจะแนะนำก็คือ ร้านชาวเรือ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนศรีธรรมราช หน้าร้านดูบรรยากาศไม่เท่าไหร่ แต่เดินทะลุเข้าไปภายในก็รู้ว่าร้านนี้อยู่ติดริมคลอง ยกพื้นโปร่งโล่งเป็นสองชั้นยื่นออกมาชิดริมคลอง รอบข้างปกคลุมไปด้วยไผ่กอโตและไม้ใหญ่นานาชนิด บรรยากาศคล้ายนั่งกินอยู่ในสวนของชาวนครซึ่งเป็นลักษณะสวนผสม มีต้นไม้ต่างชนิดปลูกรวม ๆ กันอยู่ อาหารประเภทชาวบ้าน ๆ อย่างยำกบ น้ำพริก ไก่ต้มระกำ ล้วนน่าลอง

          ชิมร้านในเมืองกันมาหลายร้านผมจะปิดท้ายกันที่ท่าศาลาซีฟู้ด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากน้ำ อำเภอท่าศาลา ซึ่งพวกเรามีโอกาสออกมาชิมมื้อหนึ่งแล้วอดที่จะแนะนำไม่ได้ เพราะอาหารทะเลที่ร้านนี้สดจริง ๆ ฝีมือการปรุงก็เยี่ยมยุทธ โดยเฉพาะยำถั่วพูกุ้งสด ที่กรอบทั้งถั่วพูซึ่งลวกมาพอดี กับความสดของกุ้งที่กัดลงไปแล้วรู้สึกได้ทันทีถึงความกรอบแน่น เนื้อไม่ยุ่ยอย่างกุ้งที่เราพบทั่วไป สามเกลอนึ่งมะนาว ที่มีเนื้อปลา กุ้ง หมึก นึ่งมะนาว รสเด็ดด้วยน้ำปรุง กุ้งทะเลต้มกะทิ เรียกว่าเป็นจุดนัดพบของกุ้งทะเลที่เพิ่งขึ้นท่าปากอ่าวกับมะพร้าวในสวนที่เรียงรายกันทั่วชายหาดท่าศาลา เรียกว่ากุ้งก็สด มะพร้าวก็มัน กุ๊กก็ฝีมือ คนกินก็อ้วนไปเท่านั้น

          มาเมืองนครเที่ยวนี้เรียกว่าชิมกันไม่ซ้ำร้านในแต่ละวัน ก็ยังชิมกันไม่หมดแนะนำกันไม่ทั่ว เพราะนครศรีธรรมราชนั้นเป็นเมืองอาหารการกินโดยแท้จริง จำใจต้องทยอยแนะนำกันต่อในโอกาสหน้า ตอนนี้ผม นาย “ลิ้นทอง” ต้องขอตัวไปชั่งน้ำหนักก่อนครับ

จากร้าน ชาวบ้านถึงร้านหรู บนเส้นทางเลียบทุ่งทานตะวันสระบุรี- ลพบุรี

 จากร้าน ชาวบ้านถึงร้านหรู
    บนเส้นทางเลียบทุ่งทานตะวันสระบุรี- ลพบุรี

        “จุมโพ่”...ชวน ชิม   อาทิตย์ จั่นเทศ...ชวน ชม

          ฤดูแห่งการท่อง เที่ยวทุ่งทานตะวันมาถึงอีกปีหนึ่งแล้วนะครับ ปีนี้นักท่องเที่ยวจะมีระยะเวลาในการเดินทางเที่ยวชมนานขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสระบุรี จากที่เคยเที่ยวชมได้ถึงแค่เดือนธันวาคมหรือต้นเดือนมกราคม ก็จะชมกันได้เลย ไปถึงเดือนกุมภาพันธ์นั่นทีเดียว ส่วนในพื้นที่จังหวัดลพบุรีก็เที่ยวชมได้เช่นกัน แต่ปีนี้อาจจะไม่ค่อยสมบูรณ์นักเพราะแล้งน้ำ

          ไหน ๆ ก็ตรงกับฤดูท่องเที่ยวทุ่งทานตะวันแล้ว ผมเลยจะพาไปชิมอาหารบนเส้นทางทุ่งทานตะวันในจังหวัดสระบุรีและลพบุรีกันเสียเลย

          เริ่มกันที่จังหวัดสระบุรี ร้านบ้านต้นไม้ ร้านใหญ่ร้านหรู สร้างเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ครึ้มเขียว บรรยากาศร่มรื่น เหมาะสำหรับคนรักต้นไม้ มีพรรณไม้จำหน่ายอยู่บนเส้นทางหลวงหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) ก่อนถึงอำเภอพระพุทธบาท ส่วนที่นั่งมีให้เลือกทั้งในบ้านและระเบียงกว้างนอกตัวบ้านที่ตั้งโต๊ะใต้ร่มไม้ หลายคนชอบบรรยากาศร้านตอนค่ำ ๆ ที่มีเพลงฟังพร้อมจิบเครื่องดื่มไปด้วย
          อาหารจานเด็ดที่ทางร้านแนะนำมีไข่พระอินทร์ ทำจากแกงเขียวหวานผัดจนแห้ง แล้วห่อด้วยไข่อย่างไข่ยัดไส้ จะเลือกลูกชิ้นปลากราย หรือ เนื้อสัตว์อื่น ๆ ก็ได้ตามชอบใจ แกงเขียวหวานที่ผัดจนแห้งรสชาติเข้มข้นทีเดียว มังกรซ่อนรูป ใช้กุ้งสด ๆ พันด้วยปลากะพงแดงแล้วนำไปนึ่ง กินกับน้ำจิ้มอย่างน้ำจิ้มอาหารทะเลรสจัด ไข่แดงบ้านต้นไม้ ทอดมันห่อไข่แดงของไข่เค็มทอด สมุนไพรทอดกรอบทำจากตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด กะเพราทอดกรอบ ๆ เคล้าน้ำตาล กินเล่นเรียกน้ำย่อย

          แต่ที่ผมชอบคือไก่ไทยรวนปลาร้า ที่ใช้ไก่บ้านมารวนกับน้ำปลาร้าและเครื่องปรุงอื่น ๆ จนแห้งเข้มข้นเข้าเนื้อและหอมกลิ่นปลาร้า นอกจากนี้ยังมีน้ำผักผลไม้สด ๆ คั้นแบบแยกกาก ไม่ผสมส่วนผสมอื่น ๆ เช่น น้ำแครอต น้ำฝรั่ง น้ำ สับปะรด ราคาแก้วละ ๕๐ บาท

          ร้านต่อมาคือ ร้านเพื่อน ถ้ามาจากตัวเมืองลพบุรีไปตามทางไปอำเภอพระพุทธบาทประมาณ ๑๒ กิโลเมตร จะเห็นโรงเรียนวัดนายาวอยู่ทางซ้ายมือ เลยมาไม่ไกลมีทางแยกเลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ ๑๐๐ เมตร เจอทางแยดขวามือเลี้ยวเข้า ไปประมาณ ๓๐๐ เมตรก็ถึง
          ร้านนี้เป็นร้านในบรรยากาศแบบบ้าน ๆ ทางเข้าเหมือนลัดเลาะไปในสวน ไม่ติดถนนใหญ่แต่ก็ไม่เงียบจนเกินไปนักเพราะมีคาราโอเกะให้ร้องด้วย อาหารจานเด็ดของร้านที่ทุกคนไม่พลาดที่จะสั่งคือขาหมูทอดกรอบ ขาหมูทั้งขาทอดจนกรอบจิ้มน้ำจิ้มรสเปรี้ยวใส่พริกขี้หนูบุบ มัจฉานายาวรวนปลาร้า ที่ต่างจากร้านแรกตรงที่ไม่รวนจนแห้งแต่มีน้ำขลุกขลิก และเนื้อไก่นุ่มกว่า ส่วนคนที่ชอบกินเนื้อวัว เจ้าถิ่นแนะนำให้สั่งแกงป่าเนื้อและเนื้อย่าง

          พูดถึงคนชอบกินเนื้อวัว ผมก็เป็นผู้หนึ่งที่ยังชอบกินเนื้อวัว โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ซึ่งเจ้าถิ่นหลาย ๆ คนแนะนำว่าต้องไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น พี่ดาว หรือพี่แสงดาว สุปรียาภรณ์ ข้างวัดพระพุทธบาทฯ ด้านประตูแดงหลังวัดให้ได้ มีหรือผมจะพลาด

          ร้านพี่ดาวเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ แบบชาวบ้าน สะอาดสะอ้านทั้งโต๊ะไม้และบริเวณร้าน สิ่งแรกที่ผมได้สัมผัสเมื่อไปถึงร้าน คือกลิ่นเนื้อตุ๋นหอมฉุยโชยมาแตะจมูก จะช้าอยู่ไย ผมและเพื่อนพร้อมใจกันสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เนื้อตุ๋นเปื่อยนุ่ม หอม ชิ้นใหญ่กัดเต็มปากเต็มคำ น้ำซุปเข้มข้นทำให้ผมและเพื่อนต้องสั่งซ้ำโดยไม่สนใจเย็นตาโฟที่เจ้าถิ่นเขาว่าก็อร่อยไม่แพ้กัน

          ก๋วยเตี๋ยวพี่ดาวทั้งร้านนี่ราคาชามละ ๒๐ บาทเท่านั้น พี่ดาวว่าไม่มีชามพิเศษเพราะคิดเงินยากเวลาลูกค้ามาก ๆ แต่ชามธรรมดาของพี่ดาวก็เหมือนชามพิเศษอยู่ดีตรงที่เนื้อตุ๋นชิ้นใหญ่ ๆ นี่ละ
          จากสระบุรีไปจังหวัดลพบุรีกันต่อ ร้านดังที่เจ้าถิ่นหลาย ๆ คนยกนิ้วให้คือร้านปาปี ถนนพัฒนานิคม-ลพบุรี เป็นร้านในบรรยากาศแบบคันทรี ไก่ทอด JFC สูตรเด็ดของที่นี่อร่อยมาก หมักกับซอสหอมกรุ่น ทอดจนกรอบนอก นุ่มใน กินกับส้มตำกุ้งสด และยำตะไคร้ นอกจากนี้ก็มีน้ำพริกขี้กา ปลาช่อนนึ่งแจ่ว ต้มยำไก่บ้านใบมะขามอ่อน ผัดฉ่าปลาม้า ปลาคัง

          สำหรับผู้ที่ไปเที่ยวชมทุ่งทานตะวันและเลยไปทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก็มีร้านอาหารตามทางผ่านหลายร้าน ร้านหนึ่งที่อยากแนะนำคือร้านบ้านนอก ร้านอาหารที่ตกแต่งอย่างที่เรียกกันว่าร้านแบบ “เพื่อชีวิต” ซึ่งมีที่พักบรรยากาศดีอยู่หลังร้านสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย อยู่เลยสี่แยกซอย ๑๒ ถนนพัฒนานิคม-ลพบุรี ไปประมาณ ๑๒ กิโลเมตร ก่อนถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ประมาณ ๗ กิโลเมตร

          อาหารที่ทางร้านแนะนำคือ ไก่รวน ที่รวนกับสมุนไพรอย่างข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ปลาช่อนลุยเกาะ ปลาช่อนทอด ในน้ำแกงที่รสเหมือนต้มยำและต้มข่ารวมกัน ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมพริกไทย ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน

          ตรงสี่แยกซอย ๑๒ ถนนพัฒนานิคม-ลพบุรี มีร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าอร่อยชื่อร้านต้อยก๋วยเตี๋ยวเป็ดอยู่ทางขวามือหากออกมาจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ หรือซ้ายมือหากมาจากตัวเมืองลพบุรี และหากเลี้ยวไปทางแยกสระบุรี-กรุงเทพฯ และยังมีร้านขายวุ้นชื่อวุ้นน้องนุชที่ทำขายเป็นกล่อง กล่องละ ๕ ชิ้น มี ๕ รส คือ มะพร้าวอ่อน สตรอว์เบอร์รี สังขยา กาแฟ และใบเตย ราคา ๓ กล่อง ๑๐๐ บาท วุ้นของร้านนี้ค่อนข้างแข็ง เพราะทางร้านต้องการทำให้กรอบ
          ท้ายสุดขอปิดท้ายด้วยก๋วยเตี๋ยวตาบอด (ป้าสมนึก) เลยวงเวียนโคกตูมไปทางอ่างซับเหล็ก ข้างวัดปราสาทนิมิต ที่ป้าสมนึกคนขายตามองไม่เห็นทั้งสองข้างแต่ยังคงขายก๋วยเตี๋ยวเลี้ยงตัวเอง ปรุงเอง ขายเอง ในร้านที่เป็นเพิงเล็ก ๆ แต่มีที่นั่งสะดวกสบาย เพราะมีผู้ในบุญไปช่วยสร้างไว้

          ใครผ่านไปก็ช่วยแวะไปอุดหนุนป้าเขาหน่อยนะครับ




 
ร้านบ้านต้นไม้ ๒๕/๑ หมู่ ๙ ตำบลขุนโขลน อำเภอพระ พุทธบาท จังหวัดสระบุรี
โทรศัพท์ ๐ ๓๖๒๖ ๖๓๓๑, ๐ ๓๖๓๒ ๑๙๖๙
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๑๑.๐๐-๒๔.๐๐ นาฬิกา

สวนอาหารเพื่อน ๔/๓ หมู่ ๔ ตำบลนายาว อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
โทรศัพท์ ๐ ๑๘๕๑ ๒๘๖๔, ๐ ๖๑๒๗ ๔๗๘๙
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐- ๒๔.๐๐ นาฬิกา

ก๋วยเตี๋ยวพี่ดาว ๑๒ หมู่ ๘ ถนนสุวรรณปราสาท อำเภอพระ พุทธบาท จังหวัดสระบุรี
โทรศัพท์ ๐ ๓๖๓๒ ๑๒๘๗ ขายตั้งแต่เวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกา ไปจน หมด

ร้านอาหารบ้านนอก และที่พัก ๒๒๗ หมู่ ๙ ซอย ๒๔ อำเภอ พัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี
โทรศัพท์ ๐ ๓๖๖๓ ๙๐๕๗, ๐ ๑๙๐๖ ๔๐๑๓
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐-๒๔.๐๐ นาฬิกา

ร้านอาหารปาปี ๒๘ หมู่ ๘ ถนนพัฒนานิคม-ลพบุรี ตำบลนิคม สร้างตนเอง อำเภอเมืองฯ จังหวัดลพบุรี
โทรศัพท์ ๐ ๓๖๔๑ ๓๕๔๙
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐-๒๒.๐๐ นาฬิกา ปิดวันที่ ๒๖ ของทุกเดือน

ร้านก๋วยเตี๋ยวตาบอด (ป้าสมนึก) ๑๕๙ หมู่ ๒ ตำบลโคกตูม อำเภอเมืองฯ จังหวัดลพบุรี ข้างวัดปราสาทนิมิต

ไปนอนฟังเสียงฝน กับ ๘ โรงแรมในเชียงใหม่

 ไปนอนฟังเสียงฝน กับ ๘ โรงแรมในเชียงใหม่
        “เป้แดง”...เรื่อง   สายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์...ภาพ



          หน้าฝนปีนี้ ๘ โรงแรมในเชียงใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกสมาคมโรงแรมไทย (ภาคเหนือ) เขาร่วมกันเสนอโครงการส่งเสริมการขายช่วงหน้าฝนกันคึกคักเชียวค่ะ

          เริ่มด้วยโรงแรมเวสทิน ซิตีโฮเต็ลหรูหราที่เสนอราคาห้องพักในอัตราพิเศษตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายนนี้ ด้วยห้องพักแบบซูพีเรียเดี่ยว ราคา ๓,๖๔๘ บาท รวมอาหารเช้า ห้องพักแบบซูพีเรียคู่ ราคา ๔,๒๓๗ บาท รวมอาหารเช้า และห้องพักบแบบซูพีเรีย พร้อมเตียงเสริม ๔,๗๐๘ บาท รวมอาหารเช้าอีกเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีผลไม้ในห้อง เครื่องดื่มต้อนรับ รถรับส่งสนามบิน และเช็กเอาต์ได้ถึง ๑๖.๐๐ นาฬิกา แต่หากว่าตั้งใจจะพักสักสามสี่วัน ขอแนะนำแพ็กเกจพัก ๓ คืนแถมอีก ๑ คืน โดยจ่ายในราคาคืนละ ๓,๒๐๐ บาท (แบบเซฟโปรแกรม) และราคาคืนละ ๓,๔๐๐ บาท (แบบแฟมิลีโปรแกรม) ทั้งนี้รวมไปถึงการได้รับสิทธิพิเศษอีกมากมาย
          โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส กับแพ็กเกจ The Rose of the North คือพัก ๓ วัน ๒ คืน ในห้องดีลักซ์สไตล์ญี่ปุ่น รวมอาหารเช้าและอภินันทนาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้และเครื่องดื่มต้อนรับ น้ำชากาแฟในห้อง รถรับส่งสนามบิน ส่วนลดต่าง ๆ เครื่องดื่มระหว่างมื้อ และเช็กเอาต์ได้ถึง ๑๔.๐๐ นาฬิกา ราคาห้องเดี่ยวต่อแพ็กเกจ ๔,๔๐๐ บาท และราคาห้องคู่ต่อแพ็กเกจ ๔,๘๐๐ บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคมนี้ค่ะ

          โรงแรมโนโวเทล โรงแรมที่มีเครือข่ายอยู่ถึง ๓๔๐ แห่งทั่วโลก ใน ๑๔๐ ประเทศ ชวนหลีกหนีความวุ่นวายสู่เชียงใหม่กับ Breakaway Package มานอนดูสายฝน ๓ วัน ๒ คืน โรงแมนติคกันสองคนในห้องดีลักซ์ราคาต่อคน ๒,๒๐๐ บาท ถ้าหากมาคนเดียวราคา ๓,๕๐๐ บาท รวมอาหารเช้า เครื่องดื่มต้อนรับ หนังสือพิมพ์ ดอกไม้ ผลไม้ นวดฟรี ๒ ชั่วโมง รถรับส่งไนต์ บาซาร์ รถรับส่งสนามบิน อาหารเย็น ๑ มื้อสำหรับสองคน เช็กเอาต์ได้ถึง ๑๖.๐๐ นาฬิกา พร้อมส่วนลดอื่น ๆ อีก และหากติดใจจะอยู่ต่อเขาคิดราคาห้องพักต่อคืน ๑,๔๐๐ บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคมนี้

          โรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว เสนอแพ็กเกจช้างเผือก ๒๐๐๑ ด้วยราคาลดพิเศษ ๕๐ เปอร์เซนต์ ห้องแบบสุเทพวิง ดีลักซ์ ห้องพักเดี่ยวราคา ๑,๒๒๒ บาท ห้องพักคู่ราคา ๑,๔๔๔ บาท และพัก ๓ คน ราคา  ๑,๘๘๘ บาท หากอยากชมวิวดอยสุเทพบอกพนักงานว่าขอห้องเลขคี่นะคะ ส่วนห้องแบบห้วยแก้ว วิง ห้องพักเดี่ยวราคา ๗๗๗ บาท ห้องพักคู่ราคา ๙๙๙ บาท ส่วนห้องพัก ๓ คน ราคา ๑,๑๑๑ บาท ราคานี้รวมอาหารเช้า เครื่องดื่มต้อนรับ ผลไม้และดอกไม้ในห้อง หนังสือพิมพ์ รถรับส่งสนามบินและสถานีรถไฟ ส่วนลด ๓๐ เปอร์เซนต์หากไปนั่งช้างที่ปางช้างแม่สา และเช็กเอาต์ได้ถึง ๑๖.๐๐ นาฬิกา เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคมนี้

 
          โรงแรมอมารี รินคำ โรงแรมแห่งที่สองของเชียงใหม่ อายุอานาม ๓๒ ปีแล้ว แต่ความสวยงามยังไม่โรยราเลย เพราะเขาอัพเดตกันทุกปี ฝนนี้มี 2001 Holiday time Packages มาเสนอ กับเวลา ๓ วัน ๒ คืน ห้องพักเดี่ยวราคา ๓,๒๘๕ บาท ห้องพักคู่ราคา ๔,๐๖๐ บาท พร้อมเครื่องดื่มต้อนรับ อาหารเช้า มื้อค่ำ ๑ มื้อ ผลไม้ หนังสือพิมพ์ รถรับส่งสนามบิน และเช็กเอาต์ได้ถึง ๑๖.๐๐ นาฬิกา เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ ๑๙ ธันวาคมนี้

          โรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ 2000 มีหลายรายการทีเดียว เริ่มจาก Chaingmai Hill Golden Package เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนนี้ สบาย ๆ ในห้องพักคู่ดีลักซ์ ๓ คืน ๔ วัน ราคา ๒,๒๒๒ บาท ต่อห้อง (๒ คน) พร้อมอาหารเช้า รถรับส่งสนามบิน เครื่องดื่มสมุนไพรต้อนรับ รถไปส่งไนต์บาซาร์ และเช็กเอาต์ได้ถึง ๑๘.๐๐ นาฬิกา นอกจากนี้ทางโรงแรมยังได้ร่วมกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เสนอโครงการบินไป เที่ยวกลับ ได้พักฟรี คือเมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ๑ ที่นั่ง ได้พักฟรีที่โรงแรม ๑ คืน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ ๒๗ ตุลาคมนี้

          สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ (๐๒) ๒๒๙-๓๔๓๔ โครงการแพ็กเกจทัวร์วัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่กับโรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ คนละ ๓,๒๑๐ บาท รวมที่พัก ๓ วัน ๒ คืน พร้อมอาหารเช้า กลางวัน เย็น รถรับส่งพร้อมพาชมสถานที่ต่าง ๆ และโครงการสวัสดีล้านนา ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ ๒๕ ตุลาคมนี้ สอบถามเพิ่มเติมที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ (๐๒) ๕๑๓-๐๑๒๑

  
          ไม่ใช่เพียงโรงแรมในเมืองเท่านั้นที่ร่วมโครงการนี้ แต่รวมถึงรีสอร์ทสวย ๆ บนเส้นทางหางดง-สะเมิงด้วย

          โรงแรมสวนบัวรีสอร์ท เสนอ Summer Package ต่อเนื่องถึงหน้าฝน ๓ วัน ๒ คืน พร้อมอาหารเช้า ๒ มื้อ อาหารกลางวัน หรืออาหารเย็น อีก ๒ มื้อ ในราคา ๓,๕๓๐ บาท ต่อคน รวมรถรับส่งสนามบิน รถรับส่งพาไปเที่ยวไนต์บาซาร์ และในส่วนของสปา ซึ่งที่นี่เขาขึ้นชื่อมา ก็มีให้เลือกตามใจชอบว่าจะขัดเกลือจากทะเลเดดซี จะนวดบำบัดด้วยวิธีอโรมาเธอราปี หรือนวดไทย หากไม่สนใจแพ็กเกจ แต่จะมาพักอย่างเดียว ค่าห้องทั่วไปเขาก็ลดให้ถึง ๓๐ เปอร์เซนต์ค่ะ สนใจรีบติดต่อก่อนวันที่ ๓๑ ตุลาคมนี้

          สุดท้ายที่เบลล์ วิลลา รีสอร์ตแสนสวยในหุบเขา ถัดจากโรงแรมสวนบัวรีสอร์ทไปไม่ไกล กับ Summer Breeze in The Hill Package ๓ วัน ๒ คืน ห้องคู่แบบดีลักซ์ราคาคนละ ๓,๑๐๐ บาท ห้องเดี่ยวราคาห้องลบะ ๕,๔๐๐ บาท รวมอาหารเช้า มื้อค่ำใต้แสงเทียน นวดไทยคนละ ๑ ชั่วโมง เครื่องดื่มต้อนรับ รถรับส่งสนามบิน รถจี๊ปแคริเบียนสำหรับขับเที่ยว ๑ วัน นอกจากนี้ก็ยังมี Honeymoon Package ราคาอยู่ที่ ๘,๖๕๐ บาท ต่อคู่ ๓ วัน ๒ คืน พร้อมอาหารเช้าริมระเบียงส่วนตัว มื้อค่ำใต้แสงเทียน แชมเปญ หรือไวน์สำหรับฉลอง เครื่องดื่มต้อนรับ ดอกไม้ ผลไม้ ฮันนีมูนเค้ก รถลีมูซีนรับส่งสนามบิน และเช็กเอาต์ได้ถึง ๑๖.๐๐ นาฬิกา พิเศษ ๆ แบบนี้หมดเขตวันที่ ๓๑ ตุลาคมนี้เท่านั้น
โรงแรมเวสทิน ถนนเชียงใหม่-ลำพูน โทรศัพท์ (๐๕๓) ๒๗-๕๓๐๐
โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส ถนนช้างคลาน โทรศัพท์ (๐๕๓) ๒๘-๑๐๓๓-๔๓
โรงแรมโนโวเทล ถนนช้างเผือก โทรศัพท์ (๐๕๓) ๒๒-๕๕๐๐
โรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว ถนนห้วยแก้ว โทรศัพท์ (๐๕๓) ๒๒-๔๓๓๓
โรงแรมอมารี รินคำ ถนนนิมมานเหมินทร์ โทรศัพท์ (๐๕๓) ๒๒-๑๑๓๐
โรงแรมเชียงใหม่ ฮิลล์ 2000 ถนนห้วยแก้ว โทรศัพท์ (๐๕๓) ๔๐-๐๖๐๑-๕
โรงแรมสวนบัวรีสอร์ท ถนนสายหาง์ดง-สะเมิง โทรศัพท์ (๐๕๓) ๓๖-๕๒๗๐-๙
เบลล์ วิลลา รีสอร์ต ถนนสายหางดง-สะเมิง โทรศัพท์ (๐๕๓) ๓๖-๕๓๑๘-๒๑

ในอ้อมกอดแห่งขุนเขา คลองทราย รีสอร์ท

  ในอ้อมกอดแห่งขุนเขา คลองทราย รีสอร์ท
        “เป้แดง”...เรื่อง   นัท สุมนเตมีย์...ภาพ

 
          ทุกครั้งที่ได้เก็บเสื้อผ้าข้าวของลงเป้สีแดงใบนี้ ก็อดที่จะลิงโลดด้วยความดีใจไม่ได้ว่า การเดินทางอันมีความหมายยิ่งต่อชีวิตกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว สิ่งแปลกใหม่ในโลกกว้างกำลังกู่ก้องร้องเรียกให้เราก้าวเข้าไปหา สัมผัสเพื่อทำความรู้จัก พอเริ่มจะคุ้นเคยสุดท้ายก็ต้องจากมา ดูเหมือนว่าวัฏจักรของการเดินทางจะเป็นเช่นนี้ เดินเข้าไปพบ สะสมเป็นประสบการณ์ เก็บเอาสิ่งดี ๆ บันทึกไว้ในเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำ ที่จะคงอยู่ตราบเท่าที่จะถูกกาลเวลาลบเลือนไป

          บนถนนธนรัชต์ จังหวัดนครราชสีมา ดึกแล้วเมื่อรถเลี้ยวขวาเข้าไปในซอยเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างมืด หน้าซอยนั้นมีป้ายบอกชื่อคลองทราย รีสอร์ท บอกให้รู้ว่าไม่ผิดซอยแน่ เลี้ยวซ้ายอีกทีเพื่อเข้าไปในบริเวณรีสอร์ต ความมืดที่ห่มคลุมอยู่ทั่วบริเวณทำให้สายตาถูกจำกัดมองเห็นแค่เพียงระยะไม่ไกลนัก มีเพียงเงาสีเข้มสูงทึบทะมึนรอบข้างที่บอกให้รู้ว่าเรากำลังถูกล้อมรอบด้วยวงแหวนแห่งขุนเขา

          คลองทราย รีสอร์ทคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาจับกลุ่มสัมมนา อาจเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ วันที่หลาย ๆ คนที่มีหัวใจนักเดินทางเฝ้ารอเพื่อจะโบยบินออกมาจากพันธนาการทั้งปวง เขาใหญ่ คืออุทยานแห่งชาติที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่อึดใจเดียว มีสภาพธรรมชาติที่ใคร ๆ ต่างก็เรียกหาเพื่อมาเติมพลังให้กับชีวิต ก่อนที่หัวใจจะแห้งผากเพราถูกกัดกร่อนจากความเป็นเมือง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เส้นทางสู่ธรรมชาติแห่งนี้จะไม่เคยว่างเว้นจากผู้คน ที่พักริมถนนธนรัชต์เส้นนี้ก็เช่นกัน
          พวกเรากว่าจะได้เข้าที่พักกันก็ดึกโข ก่อนเข้านอนเราภาวนาขอให้วันพรุ่งนี้เป็นเช้าวันที่สดใส มีแสงแดดสวย ๆ รอให้ช่างภาพได้ถ่ายภาพ แต่เมื่อมานึกดูอีกที คำขอดังกล่าวคงจะเป็นไปได้ยากในฤดูกาลนี้ คงได้แค่ภาวนาให้มีแสงเพียงพอให้ถ่ายภาพได้บ้างก็พอ

          เสียงร้องของนกนานาชนิดปลุกให้เราลุกขึ้นก่อนใคร อากาศที่เย็นสบายทำให้อยากจะล้มตัวลงนอนต่อ แต่ทว่าเรามีนัดคุยกันในรายละเอียดของรีสอร์ตแห่งนี้กับคุณประพันธ์ ชมจันทร์ ผู้จัดการทั่วไปของคลองทราย รีสอร์ท ที่เช้าวันนี้แต่งกายด้วยชุดออกกำลังกายทะมัดทะแมง ขี่เมาน์เทนไบค์เข้ามาทักทายพวกเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ดูแปลกตาจากมาดผู้จัดการผูกเน็กไทใส่แสล็กที่ยืนพูดคุยกับเราเมื่อคืนเสียสนิท

          อากาศในตอนเช้าดีเกินกว่าจะนอนอยู่เฉย ๆ หลายคนที่มาพักที่นี่ลุกขึ้นมาวิ่งเหยาะ ๆ ออกกำลัง หรือไม่ก็ขี่จักรยานเล่นรอบ ๆ รีสอร์ตเรียกเหงื่อพอให้กระปรี้กระเปร่า บ้างก็เดินยืดเส้นยืดสาย สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเยียวยาปอดและระบบทางเดินหายใจเพื่อยืดอายุการใช้งาน

          คุณประพันธ์จอดจักรยานไว้ข้างทาง แล้วพาเดินรอบรีสอร์ท ไปดูคลองทรายสายเล็ก ๆ ที่ไหลคดเคี้ยวอยู่ทางด้านหลังซึ่งเป็นที่มาของชื่อที่แห่งนี้ พูดคุยกันถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างรีสอร์ตแห่งนี้ขึ้นมาว่าไม่ได้อยู่ที่การคาดหวังผลกำไรมากมาย แต่เพราะผู้เป็นเจ้าของต้องการสร้างไว้ให้เป็นที่รวมลูกหลานเมื่อเวลามาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่นี่ แต่ไป ๆ มา ๆ เนื่องจากความต้องการที่พักในบริเวณนี้มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้ขยับขยายมาเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
          บนเนื้อที่กว่า ๗๐ ไร่ ของคลองทราย รีสอร์ท ในวันนี้จึงมีทั้งคลับเฮาส์ ห้องประชุมสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง คอฟฟี่ช็อป คาราโอเกะ ที่สำคัญคือมีบริเวณกว้าง ๆ ให้เดินเล่น มีสนามเปตอง สนามฟุตบอล บ่อตกปลา สำคัญที่สุดตรงที่มีอากาศดี ๆ ให้สูดลมหายใจเข้าได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจนี่แหละ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหน้าหนาวอากาศจะดีเพียงใด

          “เมื่อก่อนผมเคยเป็นภูมิแพ้ แต่พอได้มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยเป็นอีกเลย คงได้อากาศกับที่ออกกำลังกายดีครับ” นี่กระมังที่ทำให้ผู้จัดการทั่วไปคนนี้ทำงานอยู่ด้วยความสบายใจ

          เราเดินผ่านสระว่ายน้ำสีฟ้าใส รูปทรงอิสระ ซ้ายมือคือสนามหญ้าสำหรับทำกิจกรรมแคมป์ไฟ เบื้องหน้ามีเขาลูกช้างเป็นฉากกั้นสายตา ในตอนเช้าและตอนเย็นค้างคาวจำนวนมหาศาลที่อาศัยอยู่ในถ้ำจะบินเข้าออกกันเหมือนขบวนพาเหรดเลยทีเดียว

          เดินลงไปด้านล่างเป็นส่วนของที่พักซึ่งแบ่งเป็นโซน มีทั้งห้องพักรวมถ้ามากลุ่มใหญ่ และห้องเดี่ยว มีบ้านสีขาวหลังเล็ก ๆ ชั้นเดียวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก แบ่งเป็นหลังละ ๒ ห้อง และ ๓ ห้องให้เลือกตามจำนวนสมาชิกครอบครัว หรือนึกสนุกอยากได้บรรยากาศแบบแค้มปิ้ง ก็สามารถนำเต็นท์มากาง หรืออาจจะเช่าเต็นท์จากทางรีสอร์ตก็ได้ บริเวณโดยรอบตกแต่งด้วยไม้ประดับแซมสลับกับหญ้าสีเขียวสด มองดูแล้วสบายตา คุณประพันธ์บอกว่ารีสอร์ตแห่งนี้ ส่วนใหญ่มักได้รับคำชมถึงความสะอาดเรียบร้อย คุยกันมาถึงตรงนี้เขาก็อดที่จะยิ้มอย่างภาคภูมิใจไม่ได้

          สายแล้วเมื่อพวกเราออกจากคลองทราย รีสอร์ทมาเพื่อขึ้นเขาใหญ่ เราหมุนกระจกรถลงเพื่อรับอากาศที่เย็นสดชื่น รถแล่นออกมาช้า ๆ หันกลับไปมองรีสอร์ตในอ้อมแขนแห่งขุนเขาเป็นครั้งสุดท้าย

          วัฏจักรของการเดินทางหมุนเวียนมาอีกครั้ง เพื่อจะเริ่มบทต่อไปอีกเรื่อย ๆ จนกว่าสองเท้าคู่นี้จะหมดเรี่ยวแรง
ติดต่อสำรองที่พักและสอบถามรายละเอียดได้ที่
คลองทราย รีสอร์ท
๔๒/๑ กิโลเมตรที่ ๒๐ ถนนธนะรัชต์ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ๓๐๑๓๐



        ที่มา : อนุสาร อ.ส.ท. ปีที่ ๓๗  ฉบับที่ ๑  สิงหาคม ๒๕๓๙