วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

ปักษ์ใต้รสเข้ม ที่เมืองนคร

ปักษ์ใต้รสเข้ม ที่เมืองนคร
        “ลิ้นทอง”...ชวนชิมและชวนชม

          ชื่อเรื่องปักษ์ใต้รสเข้มที่เมืองนครของผม คงจะบ่งบอกอย่างแน่ชัดว่านครนี้คือนครศรีธรรมราชแน่ ๆ ไม่ใช่นครสวรรค์ นครราชสีมา เพราะมีคำว่าปักษ์ใต้ขยาย ยิ่งปักษ์ใต้รสเข้มด้วยแล้วยิ่งแน่นอนเข้าไปใหญ่ เพราะอาหารเมืองนครศรีธรรมราชนั้นได้ชื่อว่ารสชาติเข้มข้นเหมือนคนเมืองคอนนั่นแหละ แต่จะเอาชื่อเรื่องทำนองนี้ไปแนะนำอาหารอีสานนั้นคงจะลำบากสักหน่อย เพราะหากขึ้นหัวเรื่องว่าอีสานรสแซบที่เมืองนครนั้น หลาย ๆ คนอาจจะสับสนไม่คิดถึงนครราชสีมา หรือโคราช ประตูอีสานเสียทีเดียว เพราะอาหารอีสานนั้นได้แทรกซึมเข้าไปทุกที่ทุกนครฯ ...แม้กระทั่งนครลอสแองเจลีสโน่น

          พอรู้ว่าจะต้องมาทำงานที่นครศรีธรรมราชกันหลายวัน สิ่งหนึ่งที่พวกเราชาว อ.ส.ท. เบาใจแกมใฝ่ฝัน ก็คือเรื่องอาหารการกินของเมืองนคร เพราะนอกจากจะมีให้เลือกมากมายแล้ว ยังเป็นเมืองที่อาหารอร่อย เรียกว่าทำงานกันอ้วนทีเดียว ผิดกับบางเมืองที่หาอาหารอร่อยกินยากนั้น พวกเราจะดูเหี่ยว ๆ ซูบ ๆ อย่างไรชอบกล อาหารอร่อยนั้นจึงนับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของท้องถิ่น และเป็นเสน่ห์ที่รุนแรงสำหรับคนเดินทางอีกด้วย เกริ่นเสียนานชักหิว พอดีรถเร็วจากกรุงเทพฯ เข้าถึงนครศรีธรรมราชซึ่งก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง แม้สจะชื่อว่ารถเร็วก็ตามยังเข้าช้ากว่ากำหนดไปชั่วโมงกว่า
          ลงจากชานชาลาสถานีพวกเราจึงรี่เข้าร้านแกงส้ม ซึ่งอยู่เยื้องไปทางขวาของสถานีรถไฟราว ๒๐๐ เมตร หากเดินลงมาจากสถานีรถไฟ ร้านนี้เป็นร้านประจำร้านหนึ่งที่ชาว อ.ส.ท. มาแวะ เพราะที่นี่อาหารปักษ์ใต้ โดยเฉพาะแกงส้มยอดมะพร้าวอ่อนนั้นต้องยกนิ้วให้ทีเดียว นอกจากร้านที่หน้าสถานีรถไฟแล้ว ยังมีร้านแกงส้มเปิดใหม่อยู่บริเวณถนนนางงาม ใกล้กับร้านนครอินทร์เจ้าเก่านั่นแหละ ร้านแกงส้มในเมืองเป็นลูกหลานคุณป้าที่ร้านเดิมหน้าสถานีรถไฟ ที่นี่รายการอาหารที่พลาดไม่ได้ก็คือน้ำพริกแมงดา-สะตอเผา รวมทั้งสั่งปลากระบอกทอดขมิ้นกรอบ ๆ มาแกล้ม รับรองเจริญอาหารและที่พิเศษอีกหน่อยก็คือ ที่นี่ขายอาหารญี่ปุ่นควบคู่กันไปด้วย ใครจะลองสะตอเผาแกล้มปลาดิบก็เชิญ

          หากเป็นอาหารเช้าแล้วบริเวณแถว ๆ บวรบาซาร์ ริมถนนราชดำเนินนับเป็นจุดรวมของคนเมืองคอน เพราะมีร้านกาแฟอร่อยชื่อเฮากาแฟ ซึ่งตกแต่งร้านด้วยของเก่าประเภทเครื่องลายคราม เครื่องเงินโบราณมากมาย เรียกว่าจิบกาแฟไปดูงานศิลปะอันงดงามที่ประดับประดาอยู่ในร้าน ก็นับเป็นเช้าที่ดียิ่งวันหนึ่ง และที่นี่มีกาแฟให้เลือกทุกชนิดตามแต่คอกาแฟจะชอบใจ ยกเว้นกาแฟกระป๋องสำเร็จรูปเท่านั้น

          ออกจากร้านเฮาเดินเข้ามาร้านครัวนคร ซึ่งอยู่ใจกลางบวรบาซาร์ ครัวนครนั้นเป็นศูนย์รวมของอาหารปักษ์ใต้จริง ๆ เพราะเช้าหนึ่งจะทำอาหารมากมายกว่า ๓๐ อย่าง ตั้งเรียงรายให้เลือกมีตั้งแต่ขนมจีนสุดยอดของอาหารเช้าปักษ์ใต้และกินกันได้ทั้งวัน ข้าวยำรสเด็ด แกงส้ม แกงไตปลา น้ำพริกทุกชนิด คั่วกลิ้ง อื่น ๆ อีกมากมาย จาระไนไม่หมด เรียกว่าแฟนประจำสั่งอาหารไม่ซ้ำกันได้ทั้งอาทิตย์ เสร็จสรรพจากอาหารคาวมีของหวานให้เลือกมากมาย และที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนครอย่างหนึ่งก็คือมังคุดคัด ซึ่งใช้มังคุดห่ามที่ยังไม่สุกแกะเปลือกแช่น้ำเกลือเสียบไม้ รสชาติหวานกรอบน่าลิ้มลอง และรับรองว่ามังคุดคัดนี้หากินที่อื่นไม่ได้นอกจากเมืองนครเท่านั้น
          ลักษณะของครัวนครนั้น เป็นร้านอาหารง่าย ๆ อย่างร้านข้าวแกง บริการรวดเร็ว ราคาย่อมเยากว่าสวนอาหาร  แต่บรรยากาศนั้นยอดเยี่ยมและโดดเด่น เพราะที่นี่ตกแต่งร้านอย่างมีสไตล์ ด้วยของเก่าพื้นบ้าน อันแสดงถึงวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยความมีศิลปะและสุขสงบมาช้านานของชาวเมืองนคร เครื่องตกแต่งร้านที่มีลักษณะเป็นงานสะสมศิลปะพื้นบ้านอย่างเหล็กขูด หรือกระต่ายขูดมะพร้าวที่มีรูปทรงชวนหัว ตัวหนังตะลุงซึ่งบางตัวอายุนับร้อยปี เครื่องถ้วยชามเครื่องใช้อื่น ๆ เรียกว่าเหมือนกับเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านกันเลยทีเดียว หากจะเรียกร้านครัวนครเป็นร้านข้าวแกง ผมต้องขอยกย่องว่าเป็นร้านข้าวแกงที่งดงามที่สุดในเมืองไทยเลยทีเดียว

          ติดกับครัวนคร มีร้านอาหารบรรยากาศดีอีกแห่งชื่อบ้านละคร ร้านนี้ตั้งอยู่ใต้ต้นยางอินเดียโบราณ อายุคงนับร้อยปี สูงใหญ่ร่มครึ้ม เรือนสองชั้นของร้านบ้านละครที่อยู่แนบชิดโคนต้นจึงเป็นเสมือนบ้านต้นไม้ไปเลยทีเดียว ที่นี่บรรยากาศเยี่ยมน่านั่งรับประทานอาหารเย็น อาหารเด็ดของเขาที่ไม่น่าพลาดคือไก่ต้มขมิ้นรสชาติเยี่ยมจนต้องขอดน้ำต้มก้นหม้อจนหยดสุดท้าย

          ร้านอาหารบรรยากาศดีอีกร้านของเมืองนครที่ผมจะแนะนำก็คือ ร้านชาวเรือ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนศรีธรรมราช หน้าร้านดูบรรยากาศไม่เท่าไหร่ แต่เดินทะลุเข้าไปภายในก็รู้ว่าร้านนี้อยู่ติดริมคลอง ยกพื้นโปร่งโล่งเป็นสองชั้นยื่นออกมาชิดริมคลอง รอบข้างปกคลุมไปด้วยไผ่กอโตและไม้ใหญ่นานาชนิด บรรยากาศคล้ายนั่งกินอยู่ในสวนของชาวนครซึ่งเป็นลักษณะสวนผสม มีต้นไม้ต่างชนิดปลูกรวม ๆ กันอยู่ อาหารประเภทชาวบ้าน ๆ อย่างยำกบ น้ำพริก ไก่ต้มระกำ ล้วนน่าลอง

          ชิมร้านในเมืองกันมาหลายร้านผมจะปิดท้ายกันที่ท่าศาลาซีฟู้ด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากน้ำ อำเภอท่าศาลา ซึ่งพวกเรามีโอกาสออกมาชิมมื้อหนึ่งแล้วอดที่จะแนะนำไม่ได้ เพราะอาหารทะเลที่ร้านนี้สดจริง ๆ ฝีมือการปรุงก็เยี่ยมยุทธ โดยเฉพาะยำถั่วพูกุ้งสด ที่กรอบทั้งถั่วพูซึ่งลวกมาพอดี กับความสดของกุ้งที่กัดลงไปแล้วรู้สึกได้ทันทีถึงความกรอบแน่น เนื้อไม่ยุ่ยอย่างกุ้งที่เราพบทั่วไป สามเกลอนึ่งมะนาว ที่มีเนื้อปลา กุ้ง หมึก นึ่งมะนาว รสเด็ดด้วยน้ำปรุง กุ้งทะเลต้มกะทิ เรียกว่าเป็นจุดนัดพบของกุ้งทะเลที่เพิ่งขึ้นท่าปากอ่าวกับมะพร้าวในสวนที่เรียงรายกันทั่วชายหาดท่าศาลา เรียกว่ากุ้งก็สด มะพร้าวก็มัน กุ๊กก็ฝีมือ คนกินก็อ้วนไปเท่านั้น

          มาเมืองนครเที่ยวนี้เรียกว่าชิมกันไม่ซ้ำร้านในแต่ละวัน ก็ยังชิมกันไม่หมดแนะนำกันไม่ทั่ว เพราะนครศรีธรรมราชนั้นเป็นเมืองอาหารการกินโดยแท้จริง จำใจต้องทยอยแนะนำกันต่อในโอกาสหน้า ตอนนี้ผม นาย “ลิ้นทอง” ต้องขอตัวไปชั่งน้ำหนักก่อนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น