 ในวันปลายฤดูร้อน สายฝนเม็ดบางเริ่มพรำลงเป็นสาย ดังสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่าวันเวลาแห่งความชุ่มชื่นกำลังย่างเข้ามาอีกครั้ง วัฎจักรแห่งธรรมชาติยังคงดำเนินไปเช่นที่เคยเป็น เพียงแต่อาจเปลี่ยนแปลงเวลาและระยะเวลาไปบ้างเท่านั้น
เช่นเดียวกับการเดินทางของเราที่จะต้องเวียนกลับมาบนเส้นทางเดิม วันนี้ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒ จึงได้ต้อนรับกลับมาของเราอีกครั้ง เป็นการเดินทางบนเส้นทางเดิม หากแต่จุดหมายปลายทางไม่ใช่ที่เดิม
“Villa Vista ภูตะวัน สีคิ้ว” คือจุดหมายปลายทางใหม่ที่อยู่แยกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒ เข้าไปทางซ้ายมือ ด้วยเวลาไม่ถึง ๓ ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ เราก็เข้ามาอยู่ในอาณาบริเวณของโครงการ Villa Vista ภูตะวัน สีคิ้ว ซึ่งมีพื้นที่ถึง ๒๐๐ ไร่ แต่ในพื้นที่ทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นส่วนของรีสอร์ตทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่แบ่งขาย หากอยากจะปลูกบ้านอยู่ริมทิวเขายาวเหยียดท่ามกลางความร่มรื่นของพรรณไม้ ก็ไม่น่ามองผ่านที่ดินผืนนี้ไป
สำหรับผู้มาพักผ่อน เชื่อว่าทุกคนต้องชอบใจบ้านพักหลังน้อยที่แวดล้อมไปด้วยพรรณไม้เขียวขจี ชื่อบ้านจะตั้งตามพันธุ์ไม้เลื้อยที่ห้อยระย้ามาจากหลังคาระเบียงของแต่ละบ้าน เช่น บ้านพวงโกเมน บ้านพวงหยก บ้านพวงแสด ฯลฯ ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวขณะที่พรรณไม้เหล่านี้ผลิดอก ก็จะได้ชื่นชมสีสันสดใสที่ตัดกับสีเขียวของใบไม้ แต่ในฤดูกาลที่สายฝนโปรยปรายมานี้ ความเขียวสดชื่นที่แวดล้อมอยู่รอบตัวก็สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กัน
|
หลังจากผ่านศาลาเครื่องเทศแล้วเลี้ยวเข้าสู่บริเวณห้องอาหาร กลิ่นหอมเย็นของชมนาด หรือชำมะนาด ก็ลอยมาเข้าจมูก ทำให้เรานึกถึงขนมไทยหลายอย่างที่ผ่านการอบร่ำกลิ่นชมนาดขึ้นมาทันที ในบริเวณใกล้เคียงกับศาลาเครื่องเทศคือสวนไม้ดอกโบราณ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย หากจะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ไทย หม่อมราชวงศ์อิทธินันท อาภากร กรรมการผู้จัดการโครงการฯ ชี้ให้ดูต้นนางแย้ม มณฑา ราตรี จำปี ฯลฯ พลางอธิบายรายละเอียดของแต่ละต้นอย่างคล่องปาก สมกับที่ท่านเป็นคนรักธรรมชาติจริง ๆ แม้กระทั่งหินปูทางเดินยังมีลายเส้นของใบไม้หลายหลากชนิดประทับอยู่ด้วยเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น